ต้นกากะทิง
ต้นกากะทิง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า “Calophylum inophyllum Linn.” อยู่ในวงศ์ “Guttiferae” ในภาษาบาลีเรียกว่า “ต้นนาคะ” ถิ่นกำเนิดอยู่ในอินเดียและฝั่งตะวันตกของแปซิฟิค ในบ้านเรานั้นเรียกชื่อต่างกันไป ได้แก่ กากะทิง, กระทิง (ภาคกลาง) เนาวกาน, สารภีแนน (ภาคเหนือ) ทิง, สารภีทะเล (ภาคใต้) เป็นต้น
เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่สูงประมาณ 8-20 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มกลมทึบ เปลือกนอกสีน้ำตาลอมเทา ใบมนรูปไข่กลับ ผิวใบเกลี้ยง เนื้อใบหนาเป็นมัน สีเขียวเข้ม ไม่ผลัดใบ ใบมียางสีขาว
ดอกเล็กสีขาวถึงเหลืองนวล กลิ่นหอม ดอกบานไม่พร้อมกัน ออกเป็นช่อสั้นตามปลายกิ่งและซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ดอกตูมมักอยู่ที่ปลายช่อดอก ดอกบานเต็มที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 ซ.ม. กลีบดอกงองุ้มโค้งเข้าหากัน มีเกสรตัวผู้สีเหลืองเข้มจำนวนมาก เมื่อใกล้โรยเกสรตัวผู้จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ออกดอกช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม
ผลทรงกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2.5 ซม. ผลอ่อนสีเขียว ปลายผลเป็นติ่งแหลม และเมื่อแก่จะมีสีน้ำตาล แห้ง ผิวย่น แต่ละผลมี 1 เมล็ด
ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด แต่จากการที่กระทิงเป็นพันธุ์ไม้ที่ชอบขึ้นตามป่าที่อยู่ใกล้ชายทะเลตอนที่น้ำทะเลขึ้นไม่ถึงและป่าที่ชื้นทั่วไป ที่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 50-100 เมตร ทำให้ลมและน้ำเป็นตัวการสำคัญที่จะมีส่วนช่วยในการแพร่กระจายพันธุ์ของไม้กระทิงในสภาพธรรมชาติ
เนื่องจากต้นกากะทิงมีเนื้อไม้สีน้ำตาลอมแดง หนักและแข็ง ทนน้ำ จึงมักนำมาใช้ทำเรือ กระดูกงูเรือ สร้างบ้านเรือน ทำตู้ ไม้หมอนรถไฟ เครื่องมือเกษตรกรรม เช่น แอก ฯลฯ เมล็ดนำมาสกัดน้ำมันใช้ ในอุตสาหกรรมสบู่ ทำเทียนไข และผสมทำเครื่องสำอาง
ส่วนสรรพคุณด้านพืชสมุนไพรนั้น ใบสดนำมาขยำแช่น้ำ ใช้น้ำล้างตา แก้ตาฝ้า ตามัว ตาแดง, สำหรับน้ำมันที่ได้จากเมล็ดนำมาใช้ทาถูนวด แก้ปวดข้อ เคล็ดบวม รักษาโรคเรื้อน, ดอกปรุงเป็นยาหอม บำรุงหัวใจ, รากเป็นยาเบื่อปลา แก้ซาง, เปลือกใช้ชำระล้างแผล แก้คัน และเป็นยาเบื่อปลา แต่ยางทำให้อาเจียน และถ่ายอย่างรุนแรง
ปัจจุบัน กากะทิงหรือสารภีทะเล เป็นไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัดระยอง

เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่สูงประมาณ 8-20 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มกลมทึบ เปลือกนอกสีน้ำตาลอมเทา ใบมนรูปไข่กลับ ผิวใบเกลี้ยง เนื้อใบหนาเป็นมัน สีเขียวเข้ม ไม่ผลัดใบ ใบมียางสีขาว
ดอกเล็กสีขาวถึงเหลืองนวล กลิ่นหอม ดอกบานไม่พร้อมกัน ออกเป็นช่อสั้นตามปลายกิ่งและซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ดอกตูมมักอยู่ที่ปลายช่อดอก ดอกบานเต็มที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 ซ.ม. กลีบดอกงองุ้มโค้งเข้าหากัน มีเกสรตัวผู้สีเหลืองเข้มจำนวนมาก เมื่อใกล้โรยเกสรตัวผู้จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ออกดอกช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม
ผลทรงกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2.5 ซม. ผลอ่อนสีเขียว ปลายผลเป็นติ่งแหลม และเมื่อแก่จะมีสีน้ำตาล แห้ง ผิวย่น แต่ละผลมี 1 เมล็ด

ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด แต่จากการที่กระทิงเป็นพันธุ์ไม้ที่ชอบขึ้นตามป่าที่อยู่ใกล้ชายทะเลตอนที่น้ำทะเลขึ้นไม่ถึงและป่าที่ชื้นทั่วไป ที่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 50-100 เมตร ทำให้ลมและน้ำเป็นตัวการสำคัญที่จะมีส่วนช่วยในการแพร่กระจายพันธุ์ของไม้กระทิงในสภาพธรรมชาติ
เนื่องจากต้นกากะทิงมีเนื้อไม้สีน้ำตาลอมแดง หนักและแข็ง ทนน้ำ จึงมักนำมาใช้ทำเรือ กระดูกงูเรือ สร้างบ้านเรือน ทำตู้ ไม้หมอนรถไฟ เครื่องมือเกษตรกรรม เช่น แอก ฯลฯ เมล็ดนำมาสกัดน้ำมันใช้ ในอุตสาหกรรมสบู่ ทำเทียนไข และผสมทำเครื่องสำอาง
ส่วนสรรพคุณด้านพืชสมุนไพรนั้น ใบสดนำมาขยำแช่น้ำ ใช้น้ำล้างตา แก้ตาฝ้า ตามัว ตาแดง, สำหรับน้ำมันที่ได้จากเมล็ดนำมาใช้ทาถูนวด แก้ปวดข้อ เคล็ดบวม รักษาโรคเรื้อน, ดอกปรุงเป็นยาหอม บำรุงหัวใจ, รากเป็นยาเบื่อปลา แก้ซาง, เปลือกใช้ชำระล้างแผล แก้คัน และเป็นยาเบื่อปลา แต่ยางทำให้อาเจียน และถ่ายอย่างรุนแรง
ปัจจุบัน กากะทิงหรือสารภีทะเล เป็นไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัดระยอง

ชื่อพรรณไม้ :
กากะทิง
ชื่อื่น :
สารภีแนน (ภาคเหนือ); เนาวกาน (น่าน); สารภีทะเล (ประจวบคีรีขันธ์);กระทิง, กระทึง, กากะทิง, กากระทึง (ภาคกลาง); ทิง (กระบี่)
ชื่อวิทยาศาสตร์ :
Calophyllum inophyllum L.
ชื่อวงศ์ :
GUTTIFERAE
ลักษณะวิสัย :
ไม้ต้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น